ทางด้านทุรโยธน์ ผู้ปกครองแห่งราชสำนักหัสตินาปุระ ก็พยายามอย่างมากที่จะสืบหาแหล่งที่พักพิงของพี่น้องปาณฑพ ทุรโยธน์ส่งสายสืบปลอมตัวไปทั่วทุกหนแห่ง ไม่ว่าจะเป็นเมืองที่คาดการณ์ว่าพี่น้องปาณฑพจะไปหลบซ่อนตัวมากที่สุด เช่น เมืองทวารกาของพระกฤษณะ หรือแม้กระทั่งแคว้นมัสยะ ที่เป็นแหล่งพักพิงที่แท้จริงของพี่น้องปาณฑพ ก็ยังไม่สามารถสืบสาวหาข่าวของพี่น้องปาณฑพได้เลย
ผ่านระยะเวลามาเนิ่นนานจนกระทั่งเหลืออีกเพียง 13 วันก็จะครบกำหนดเงื่อนไขการหลบซ่อนตัวของพี่น้องปาณฑพแล้ว ทุรโยธน์ร้อนใจจนต้องเรียกเหล่าราชาของแว่นแคว้นพันธมิตรมาปรึกษากันที่ท้องพระโรงของราชสำนักหัสตินาปุระ
ในระหว่างการรายงานช่าวสารของสายสืบจารชนที่ทุรโยธน์ส่งไป ท้าวภีษมะผู้เป็นปู่ของทุรโยธน์และเสาหลักของราชสำนักหัสตินาปุระให้ข้อเสนอแนะต่อทุรโยธน์ว่าให้เลิกพยายามตามหาพี่น้องปาณฑพเสียดีกว่า ให้อดทนรอจนครบกำหนดเวลาแห่งการเนรเทศ แล้วยกราชสมบัติทั้งหลายให้ยุธิษเฐียรปกครองดีกว่า ยุธิษเฐียรและพี่น้องปาณฑพเป็นผู้มีบุญญาธิการ ไปปกครองหรือพักอาศัยที่ใด ดินแดนแห่งนั้นก็จะอุดมสมบูรณ์ด้วยโภคทรัพย์ ปราศจาคภัยร้ายกล้ำกลาย
ทุรโยธน์เบือนหน้าหนีจากคำแนะนำของท้าวภีษมะ ถึงแม้ว่าโทรณาจารย์และกฤปาจารย์จะสนับสนุนคำแนะนำของท้าวภีษมะ แต่ไม่ได้เข้าหูทุรโยธน์แม้แต่น้อย
ทันใดนั้นเอง สายสืบได้เล่าเหตุการณ์หนึ่งที่น่าสนใจ นั่นคือการตายอย่างประหลาดของเจ้าชายกีจักรแห่งแคว้นมัสยะ เพราะเจ้าชายกีจักรเป็นผู้ชายที่แข็งแรง มีเพียงไม่กี่คนบนโลกที่สามารถเอาชนะได้ ทุรโยธน์เชื่อมั่นว่าคนที่ฆ่าเจ้าชายกีจักรได้จะต้องเป็นภีมะ หนึ่งในพี่น้องปาณฑพอย่างแน่นอน อีกทั้งราชสำนักของแคว้นมัสยะเพิ่งได้รับตัวหญิงสาวสวยที่บอกว่าตนมีสามีเป็นคนธรรพ์ห้าคน หญิงสาวคนนั้นจะต้องเป็นพระนางเทราปทีเป็นแน่แท้
และที่สำคัญที่สุดแคว้นมัสยะเกิดความเจริญรุ่งเรืองอย่างรวดเร็วในเวลาเพียงไม่นานสอดคล้องกับที่ท้าวภีษมะกล่าวว่าที่ใดก็ตามที่พี่น้องปาณฑพไปพักอาศัยจะเกิดความอุดมสมบูรณ์
ด้วยเหตุผลเหล่านี้ ทุรโยธน์จึงปักใจเชื่อว่าพี่น้องปาณฑพต้องหลบอยู่ในแคว้นมัสยะอย่างแน่นอน