พฤหันนลา (อรชุน) สงสัยในอาการของกังกะ (ยุธิษเฐียร) ที่คอยหลบหน้าหลบตาตน จึงเดินทางไปปรึกษาวัลละ (ภีมะ) ทั้งสองเห็นพ้องต้องกันว่าเกิดเรื่องใดกับกังกะอย่างแน่นอน จึงขอเข้าพบกังกะอีกรอบ พร้อมด้วยพี่น้องคนอื่นๆ ท้ายที่สุดกังกะอดทนกับความดื้อของน้องชายทั้งสองคนไม่ไหว จึงอนุญาตให้เข้าพบ
เมื่อทั้งสองได้เข้าพบกังกะ สิ่งแรกที่สังเกตเห็นคือรอยแผลที่ศีรษะ ซึ่งเกิดจากการกระทำของท้าววิราฏ ทั้งสองโมโหมาก โดยเฉพาะพฤหันนลาแทบจะลุกออกไปจัดการกับท้าววิราฏให้สาสมกับสิ่งที่ทำลงไป แต่กังกะผู้เป็นพี่ชายก็ขอร้องให้ยั้งมือไว้ก่อน
พี่น้องปาณฑพโต้เถียงกันถึงแนวทางจัดการกับปัญหาเป็นไปด้วยความดุเดือด แต่ท้ายที่สุด พี่น้องปาณฑพก็ตกลงกันว่าวันรุ่งขึ้น ทุกคนจะเปิดเผยตัวตนและยึดครองบัลลังก์ของท้าววิราฏเสีย จากนั้นค่อยดูทีท่าของท้าววิราฏอีกทีว่าจะยินยอม หรือจะต้องจัดการขั้นเด็ดขาด
วันรุ่งขึ้น พี่น้องปาณฑพทั้งห้า รวมถึงพระนางเทราปทีก็แต่งตัวด้วยเครื่องทรงอย่างกษัตริย์ เดินทางเข้าราชสำนัก ยุธิษเฐียรผู้สลัดคราบของกังกะออกแล้ว ก็นั่งลงบนบัลลังก์ของท้าววิราฏอย่างสง่างาม
ท้าววิราฏทราบเหตุการณ์จึงรีบเดินทางมาพบยุธิษเฐียร ในตอนแรกท้าววิราฏยังไม่เข้าใจว่าเรื่องราวที่เป็นไป จนพอได้พูดคุยกับพี่น้องปาณฑพและได้ฟังเรื่องราวของการถูกเนรเทศ จนถึงการแอบเข้ามาแฝงตัวในราชสำนักแห่งนี้ ท้าววิราฏก็ตกใจอย่างมาก
ท้าววิราฏเพิ่งตระหนักว่าตนได้ทำสิ่งที่เลวร้ายลงไปมากมาย ทั้งการใช้งานพี่น้องปาณฑพ การอาศัยกำลังของพี่น้องปาณฑพเอาชนะศึก รวมถึงการทำร้ายร่างกายยุธิษเฐียร ท้าววิราฏร้องไห้แสดงความเสียใจและปรารถนาจะมอบบัลลังก์และทรัพย์สมบัติทั้งหมดให้กับพี่น้องปาณฑพไว้ครอบครอง รวมถึงยินดีจะมอบลูกสาวคนเล็กเจ้าหญิงอุตตราให้เป็นภรรยาของอรชุนอีกด้วย
การกระทำของท้าววิราฎ ช่วยรักษาชีวิตของท้าววิราฏเอง และช่วยผ่อนคลายความโกรธของอรชุนและภีมะลง จากนั้นยุธิษเฐียรจึงมอบให้ท้าววิราฏปกครองแคว้นมัสยะตามเดิม ส่วนเจ้าหญิงอุตตรานั้น ทุกคนต่างเห็นด้วยที่จะมอบให้แต่งงานกับอภิมันยุผู้เป็นลูกชายของอรชุนเอง
*** นับจากนี้การเนรเทศ 13 ปีของพี่น้องปาณฑพได้จบลงแล้ว จากนี้จะเป็นเรื่องราวของการชำระล้างความแค้นที่สั่งสมมาอย่างยาวนานและขมวดเรื่องราวเข้าสู่สงครามที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเรื่องมหาภารตะนี้
จบภาคราชสำนักท้าววิราฏ