ทางด้านกองทัพหัสตินาปุระ ท้าวภีษมะและโทรณาจารย์ต่างก็มองเห็นเรื่องราวความสับสนวุ่นวายของกองทัพแคว้นมัสยะที่ตั้งทัพประจันหน้ากับตนอยู่ตั้งแต่ต้น โทรณาจารย์เพ่งมองดูสารถีผู้แต่งกายแปลกประหลาดอย่างถี่ถ้วนแล้วเอ่ยด้วยความมั่นใจว่า สารถีคนนั้นคืออรชุนอย่างแน่นอน แม่ทัพคนอื่นๆ ได้ยินก็รู้สึกตกใจที่ได้พบเจออรชุนในสนามรบแห่งนี้อย่างไม่คาดฝัน
ทุรโยธน์เองได้ยินเช่นนั้น ก็หัวเราะเสียงดัง พร้อมทั้งกล่าวว่ายังไม่ครบกำหนดปีที่สิบสามที่พี่น้องปาณฑพจะต้องซ่อนตัว ในเมื่ออรชุนปรากฏตัวเช่นนี้ย่อมส่งผลให้พี่น้องปาณฑพผิดคำสัญญาและต้องถูกเนรเทศอีกสิบสามปี
ทันใดนั้นเองท้าวภีษมะก็พูดแย้งขึ้นมาว่า ตนได้คำนวณเวลาตั้งแต่ก่อนออกเดินทัพจากหัสตินาปุระแล้วว่าพันธะที่พี่น้องปาณฑพต้องเนรเทศสิบสามปีนั้นได้จบลงแล้ว ทางที่ดีตนแนะนำให้ทุรโยธน์ถอยทัพกลับหัสตินาปุระก่อนที่อรชุนจะเริ่มโจมตีเสียดีกว่า
ระหว่างที่ทุรโยธน์และท้าวภีษมะถกเถียงกันอยู่ เสียงเป่าสังข์เทวทัตซึ่งเป็นสังข์ประจำตัวของอรชุนก็ดังขึ้น เป็นสัญญาณว่าอรชุนได้เข้าสู่สมรภูมิแห่งนี้แล้ว อรชุนยังดีดสายธนูคานฑีวะเพื่อสร้างความฮึกเหิมให้กับกองทัพของแคว้นมัสยะและบั่นทอนขวัญกำลังใจของศัตรู รถศึกของอรชุนได้เปลี่ยนธงเป็นธงหนุมานและเริ่มตั้งทัพอย่างแข็งขัน
ท้าวภีษมะเห็นเช่นนั้นก็แนะนำให้แบ่งกำลังออกบางส่วนนำทุรโยธน์ถอนกำลังกลับหัสตินะปุระก่อน ส่วนแม่ทัพที่เหลือให้เตรียมการตั้งรับการโจมตีอันแข็งแกร่งของผู้เคยรบชนะพระอินทร์อย่างอรชุนซึ่งกำลังพุ่งตรงมาอย่างรวดเร็ว