อรชุนเผชิญหน้ากับนักรบผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดของกองทัพเการพ นั่นคือ ท้าวภีษมะ ผู้มีศักดิ์เป็นปู่ของอรชุน สำหรับพี่น้องปาณฑพแล้ว ท้าวภีษมะเปรียบเสมือนญาติคนสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าพระนางกุนตีผู้เป็นมารดา การที่ต้องมาประจันหน้ากันในสนามรบนับเป็นสิ่งที่น่าเจ็บปวดอย่างยิ่ง และไม่มีใครอยากให้เรื่องนี้ต้องเกิดขึ้น
แต่อย่างไรก็ดี อรชุนยังจดจำภาพช่วงเวลาที่เลวร้ายที่พี่น้องปาณฑพได้พบเจอ ขณะที่พระนางเทราปทีถูกทุหศาสันเหยียดหยาม ท้าวภีษมะกลับนิ่งเฉย ไม่เอ่ยปากหรือกระทำการช่วยเหลือใดๆ ทำให้ความรักและความแค้นปะปนอยู่ในจิตใจของอรชุนจนตัดสินใจไม่ถูกว่าควรทำเช่นไร
ในท้ายที่สุดแล้วอรชุนตัดสินใจว่า การรบครั้งนี้มีเพื่อทวงคืนปศุสัตว์ของท้าววิราฎ ที่ถูกกองทัพเการพยึดกลับมาให้หมด และขับไล่กองทัพเการพเท่านั้น ซึ่งบัดนี้ก็ประสบความสำเร็จแล้ว ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเสียเลือดเสียเนื้อกันอีกต่อไป
คิดได้ดังนั้น อรชุนจึงใช้วิชาสัมโมหนะ ซึ่งเป็นวิชาอันร้ายกาจ ทำให้กองทัพเการพถูกสะกดจนหยุดนิ่งไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ จากนั้นอรชุนก็ไล่ปลดเครื่องประดับของแม่ทัพเการพในสมรภูมิ เพื่อนำไปเป็นของกำนัลให้กับเจ้าหญิงอุตตรา ตามที่ได้สัญญากับเจ้าหญิงเอาไว้ก่อนออกจากเมือง
เมื่อเห็นว่าได้ทรัพย์สมบัติเพียงพอแล้ว อรชุนก็สั่งให้เจ้าชายอัตรานำตนและกองทัพถอยทัพกลับเมืองอย่างผู้มีชัย ส่วนกองทัพเการพหลังจากคลายสะกดจากวิชาสัมโมหนะ แล้วพบว่าอัญมณีของตนถูกปลอดออกจากตัวไปก็ทราบว่าหากอรชุนต้องการชีวิตของตนก็คงไม่มีโอกาสป้องกันตัวสักนิดเดียว
ท้าวภีษมะนึกชื่นชมในความใจกว้างของอรชุนและภาคภูมิใจที่ได้มีหลานชายที่เก่งกาจและเพรียบพร้อมอย่างอรชุน จากนั้นจึงนำกองกำลังกลับอย่างผู้แพ้ในสงครามครั้งนี้